![](https://static.wixstatic.com/media/d89829_d34428a4bab143a6ba4aa227d758aa53~mv2.jpg/v1/fill/w_980,h_551,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/d89829_d34428a4bab143a6ba4aa227d758aa53~mv2.jpg)
♦️ยังคงรักษามาตรฐานอารมวานรได้ประทับใจ♦️ ⛔️เหมือนเดิมนะครับ ขี้เกียจอ่านยาวๆเลื่อนไปย่อหน้าสุดท้ายได้เลย
================== เรื่องราวภาคนี้พามาสู่จุดจบไตรภาคของหนังพิภพวานรระหว่างมนุษย์และวานรพันธุ์ใหม่ที่ต่างฝ่ายก็ดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ซีซ่าที่พยายามรักษาความรุนแรงของความขัดแย้งไว้ตั้งแต่ภาคสอง แต่เมื่อเขาต้องเผชิญความสูญเสียอย่างหนักกับตัวเอง การแก้แค้นคือจุดมุ่งหมายหลักที่ซีซ่าต้องชนะให้ได้ Plot : ดีไซน์เหมาะกับจุดจบของไตรภาคได้ดี เปิดเรื่องเน้นย้ำความขัดแย้งที่ต่อเนื่องมาจากภาคสอง พาไปสู่เหตุผลว่าทำไมต้องรบ มีการโฟกัสตอกย้ำเข้าไปอีกจากภาคสองที่ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เกี่ยวกับไวรัสที่แพร่กระจายออกไปและทำร้ายเฉพาะมนุษย์ สู่จุดสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์ที่ต้องดิ้นรนกัน การเดินเรื่อง เล่าเรื่องตอนต้นแอบน่าเบื่อเล็กน้อย ก็กลัวว่าจะเป็นหนังที่จะรู้สึกไม่โอเคอีก!!!! แต่เมื่อได้สัมผัสจากช่วงกลางเป็นต้นไป คือดีมาก ทั้งดราม่า ทั้งวางแผน ทั้งแอคชั่นปะทะกันอย่างดุเดือด มีการวางเงื่อนงำเอาไว้ให้ลุ้นอยู่หลายปมว่าหนังอาจจะหักมุมหรือไม่ ความหลากหลายมิติในเรื่องทำให้ความน่าสนใจมีมาอย่างต่อเนื่องน่าติดตาม ตัวละคร มีการเปิดตัวละครหลักผู้กองแห่งความโหดร้าย สมบทบาทอินเนอร์ความเหี้ยมที่สัมผัสได้ชัด ลบภาพตัวฮาออกไปได้หมดเกลี้ยงจากเรื่องก่อนๆ
แม่หนูน้อย Nova ตัวละครใหม่ที่เข้ามาช่วยอารมหนังให้ดูมีมิติเพิ่มเข้าไป จากที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างดำก็ค่อยๆเทา มาช่วยให้บรรยากาศความเป็นมิตรของวานรกับมนุษย์ดีขึ้นไปได้เยอะพร้อมส่งเสริมความให้คนดูเชียรวานรมากขึ้นไปอีก!! อีกตัวละครที่ลืมไม่ได้กับ "Bad Apes" มีความ comedy มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในไตรภาค สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เยอะ มุกหลายๆตัวผ่านและทำได้ดี และตัวละครที่สำคัญที่สุดกับ Andy Serkis ที่ถ่ายทอดความเป็นสิ่งมีชีวิตวานรที่ฉลาดออกมาอย่างดีเยี่ยมไม่มีหลุดมาตรฐาน ถ้าไม่ได้ดูเบื้องหลังมาก่อนก็อาจพลาดว่าเอาวานรมาแสดงจริงๆ บวกกับเทคโนโลยีการถ่ายทำที่เรียกว่า "Motion capture" ที่พัฒนาไปอีกจากภาคหนึ่งและสอง รายละเอียดลงหนักไปถึงเส้นขน ไปถึงเม็ดหิมะที่หล่นมาสัมผัสกับเส้นขน พูดได้เลยว่าซีซ่าจะไม่สามารถโลดแล่นมาถึงสามภาคอย่างได้จนถึงตอนนี้ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ทั้งแอนดี้ เซอกิสและเทคโนโลยี Motion Capture ที่ทันสมัย รู้สึกทึ่งเหมือนเพราะก็เพิ่งรูว่าจริงๆแล้วเราคุ้นกับแอนดี้มานานมากกับบทบาทที่เราไม่มีทางลืมอย่าง"กอลลั่ม" นี่ก็คงเป็นเหตุผลที่พวกเราจะไม่แปลกใจว่าทำไมบทบาทวานรที่แสนฉลาดตัวนี้ถึงแสดง emotion ออกมาผ่านใบหน้าและแววตาได้ชัดเจนขนาดนี้ ในส่วนของฉากแอคชั่นนั้น ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยตั้งแต่ช่วงแรกของหนังกับการปะทะกันด้วยปืนและคมหอกมีทั้งความทันสมัยของการใช้ปืนและความคลาสสิคของการใช้หอกไม้ที่ดีไซน์การรบได้คูลมากๆๆ อาจจะคิดกันไม่ออกว่าจะไปสู้กันได้ยังไงต้องไปดูเอง จากฉากเปิดเรื่องไปจนถึงฉากปิดด้วยความอลังของบทที่ส่งต่อมาในตอนจบ และความอลังของกองทัพมนุษย์ชุดสุดท้ายบนโลก ไม่น่าเชื่อว่าการวางแผนการของวานรจะทำได้สนุกและน่าติดตามขนาดนี้
![](https://static.wixstatic.com/media/d89829_cfd6756211464b4db15300ac5548ea39~mv2.jpg/v1/fill/w_559,h_263,al_c,q_80,enc_auto/d89829_cfd6756211464b4db15300ac5548ea39~mv2.jpg)
![](https://static.wixstatic.com/media/d89829_14db539b18ca450aba934e2709236a73~mv2.jpg/v1/fill/w_512,h_287,al_c,q_80,enc_auto/d89829_14db539b18ca450aba934e2709236a73~mv2.jpg)
สรุปเลย : ไม่ผิดหวังกับภาคสามตอนจบของหนังไตรภาคเรื่องนี้ ตั้งแต่ภาคหนึ่งสองและสามต่างมีมุมมองและเสน่ที่ไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะภาคสุดท้ายกับ emotion ของวานรชัดๆแบบนี้ กับมิติของนักแสดงที่ชัดเจนและเรื่องราวที่น่าติดตาม ฟาสให้ 8/10 หักคะแนนความเรียบง่ายแอบเบื่อๆในช่วงต้นๆออกไป หลังจากนั้นมีแต่ความสนุก ข่าวแว่วว่าภาคสี่น่าจะมีต่ออีก ลุ้นกันไปละกันเนอะ #WarforthePlanetoftheApes Directed by : Matt Reeves Written by : Mark Bomback Production company: Chernin Entertainment Starring : Andy Serkis, Woody Harrelson, Steve Zahn ------ Nice to share my life with you----- ••• MickeyFest•••
Comments