Only the Brave รีวิว

เกริ่นก่อนเลยว่าโชคดีมากที่เราไม่ได้คาดหวังกับหนังเรื่องนี้มากนัก และก็ไม่ได้อ่านเรื่องราวของหนังเรื่องนี้เลยทำให้ก่อนจะก้าวเข้าไปในโรงความรู้กับหนังเรื่องนี้มีติดตัวเข้าไปประมาณ1%

ช่วงแรกหนังให้อารมของ ดราม่าของครอบครัวที่ต้องมีสามีทำงานอาชีพดับไฟ ที่ต้องอุทิศตัวให้ความเสียสละ ที่ต้องเ่สี่ยงชีวิตของตัวเองให้กับผู้อื่นตลอดเวลา ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในตอนแรกแต่ต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องกลับมานึกถึงความสุขของตัวเองที่ถูกงานแย่งไป กับอารมนี้ใส่มาได้อย่างดุดัน ผสมผสานกับความตื่นเต้นของอาชีพนักผจญเพลิงที่ไม่ใช่ใครก็ได้จะสามารถมาทำได้ มีเรื่องราวมีเรื่องท้าทายเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

ถึงแม้ตอนกลางของเรื่องจะทำให้รู้สึกว่า เนื้อเรื่องนั้นดูจะไม่ดำเนินไปสักเท่าไหร่เลย วนไปวนมาระหว่างเรื่องดราม่าสองผัวเมียกับดับไฟอยู่สองอย่างจนไม่มีที่ท่าจะพาลงยังไง แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้ทำให้เสียความรู้สึกมากเท่าไหร่

ยิ่งพีคไปอีกกับฉากจบสะเทือนอารมเกินจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ผกก.ตั้งใจบดอารมความรู้สึกของคนดูอย่างไม่เบามือ ใส่ความรู้สึกในหลากหลายตัวละคร ในหลายๆมุม ได้ครบในหลายมิติ ไม่แน่ใจว่ากับคนดูที่รู้ตอนจบแล้วจะช๊อคเหมือนที่เราเป็นไหม แต่บอกได้เลยว่ามันสุดๆจริง หนังลากความรู้สึกแบบนั้นไปจนจบ ปิดท้ายด้วย End Credit ของภาพจริงๆของแต่ละตัวละคร ไม่มีใครลุกจากที่นั่งก่อนเลยแม้แต่คนเดียว เชื่อว่ายังอยู่ในความรู้สึกเดียวกัน

อยากให้ไปดูเรื่องนี้ ไม่ควรพลาดจริงๆ

💯⭕️สรุป: 🔵เป็นหนังอารมที่ดุเดือดมากที่สุดเรื่องนึงของปีนี้เลย 🔵 แนะนำว่าถ้ายังไม่รู้ ก่อนดูอย่าพึ่งไปอ่าน รอเซอไพร้ตอนจบ 🔵 ฉากสวยอะไรสวยไปหมด มันมีความยิ่งใหญ่ของไฟป่า และหน้าที่ที่สำคัญของผู้พิทักษ์ 🔵ทุกคนในโรงนั่งดู End credit ภาพจริงของเรื่องจริงด้วยกันอย่างมิต้องนัดหมาย 🔵9/10 ❤️😍ชอบมาก