เรื่องราว
"การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่สามของแอ็คชั่นสตาร์ชื่อดังอย่าง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก และ ปีเตอร์ เบิร์ก ผู้กำกับมากฝีมือที่เป็นที่ต้องการของฮอลลีวูด ที่เคยฝากฝีมือไว้ในหนังอย่าง Battleship, Lone Survivor, Deepwater Horizon เรื่องราวว่าด้วยการวางระเบิดก่อการร้ายในงานวิ่งมาราธอนเมืองบอสตันเมื่อปี 2013 ที่ทำให้คนธรรมดาทั่วไปต้องกลายมาเป็นฮีโร่ด้วยวีรกรรมของพวกเขา หลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ จ่า ทอมมี่ ซอนเดอร์ส (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) รวบรวมความกล้าของตัวเองเข้าร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ตามล่ามือวางระเบิดการแข่งขันบอสตันมาราธอน เพื่อหยุดยั้งวินาศการรมครั้งต่อไปให้ทันเวลา การเรียงร้อยเรื่องราวของ เจ้าหน้าที่พิเศษ ริชาร์ด เดสลอว์รี่ส์ (เควิน เบคอน) ผู้หมวด เอ็ด เดวิส ผู้กอง เอ็ด เดวิส (จอหน์ กู๊ดแมน) จ่า เจ็ฟฟรี่ พูกรีสซ์ (เจ.เค. ซิมมอนส์) และนางพยาบาล แครอล ซอนเดอร์ส (มิเชล โมนาแกน) ภาพยนตร์บีบคั้นอารมณ์ ที่จะทำให้คุณลืมกระพริบตา กับการตามล่ามือระเบิดครั้งที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่จะทำให้คุณได้ซึ้งถึงความกลมเกลียวของชาวเมืองบอสตัน"credit : kapook.com
ครั้งล่าสุดเสียน้ำตาให้กับหนังเมื่อไหร่....?
ฟาสชอบนะและค่อนข้างอินทีเดียวละกับหนังที่สร้างจากเรื่องจริงเพราะแต่ละเรื่องมันต้องเป็นเรืองที่ไม่ธรรมดา ไม่งั้นมันก็คงไม่มีอะไรที่จะหยิบยกมาสร้างเป็นหนังได้ เรื่องนี้จริงๆแล้วมันก็ไม่น่าจะเอามาสร้างได้หรอก ก็แค่การก่อการร้ายวางระเบิดทั่วไป มากสุดก็บึ้ม ไว้อาลัยคนตายโดยเฉพาะกับอเมริกาที่โดนบ่อยนาดนั้นหนังก็ออกมาแนวไม่ต่างกัน แต่เรื่องนี้กลับเลือกที่จะเสนออีกมุมมองนึงของสถานการณ์นั้นกับความร่วมมือที่ทุกคนมีให้ มันแปลกตามากกับมุมมองนี้ ไม่ใช่แค่ดีแต่มันทำให้คนดูฟีลกู๊ดอย่างเต็มที่กับหนังก่อการร้ายที่มักจะได้คติลบกลับไป
น่าจะเป็นแนวถนัดของสองคนนี้ผู้กำกับปีเตอร์ เบริ์กกับนักแสดง มาร์ค วอลเบริ์กกับหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง จากเรื่องที่แล้วที่ชอบมากๆ Deepwater Horizon เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังอีกเช่นกัน เรื่องต่อไปหากชื่อสองคนนี้โผล่มาอีก ฟาสไม่พลาดแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว
เหตุการณนี้ตามข่าวทั่วไปที่เราได้รับข้อมูลก็คือการวงระเบิดของผู้ก่อการร้ายชาวอิสลาม มีคนเจ็บเท่าไหร่ มีคนตายเท่าไหร่ จับคนร้ายได้ เย้่จบ!! แต่สำหรับหนังเรื่องนี้กลับเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวของการสืบค้นสอบสวนหาตัวคนร้ายมา ไม่ใช่ง่ายนะ
ไม่ชอบอะไร
X จะว่าอะไรไหม สำหรับเรื่องนี้จะข้ามตรงนี้ไป มันเพลินตลอดทั้งเรื่องจนไม่รู้จะไม่ชอบอะไรดี
ชอบอะไร
✔️ผู้กำกับให้ความสำคัญกับเบื้องหลังความรู้สึกและที่มาของตัวละครแต่ละคนเป็นอย่างดี ตัวละครที่หมายถึงคือผู้ประสบภัยทุกคนคนที่ต้องบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะไป หนังค่อยๆบอกเล่าแบกกราวของแต่ละคน จิตนิสัย อาชีพ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้อย่างเข้าใจคนดู พอเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนจบจึงไม่แปลกใจเลยว่ททำไมถึงเสียน้ำตาให้กับคนเหล่านั้นได้
✔️"กำลังใจ" มนุษย์เราสามารถถูกทำร้าย ถูกทำให้เสียใจได้ แต่ก็สามารถกลับมาเข้มแข็งได้เช่นกันด้วยกำลังใจจากคนรอบข้าง
✔️นักแสดงนำพระเอกในเรื่องไม่ใช่เป็นพระเอก ไม่ใช่คนเดียวที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จได้หากขาดความร่วมมือของประชาชนทุกคน ในมุมนี้มันรู้สึกดีมากๆกับมุมมองที่ผู้กำกับพยายามถ่ายทอดให้เห้นถึงความสำคัญของความรัก
✔️ ผิดกับหลายๆเรื่องที่อเมริกาโดนก่อการร้าย จะเชิดชูทหารและและพลเมืองตัวเองให้เป็นฮีโร่และส่งเสริมความเกลียดชังให้คนมุสลิม แต่เรื่องนี้กลับยัดเยียดความรักให้กับทุกคนในทุกเมือง เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งเมื่อต้องเจอปัญหาหรือสิ่งเลวร้าย ความรักและความสามัคคีของคนในพื้นที่นั่นแหละที่จะก่อเป็นกำแพงคุ้มกันภัยให้กับทุกคน
ถึงตรงนี้ ฟาสสนับสนุนหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่เลยว่า เป็นหนังก่อาการร้ายที่ฟีลกู๊ดมากๆ คุณจะไม่ได้เกร็งๆไปกับฉากโหดร้ายทารุณทรมาน แต่คุณจะเกร็งไปกับความร่วมมือกันอันน่าเหลือเชื่อของเอฟบีไอ ผู้ว่า ตำรวจ และประชาชนทุกคน เพื่อให้เมืองของพวกเขากลับมาสงบอีกครั้ง
10/10 ไปเลยไม่รู้ว่าต้องตัดอะไรจริงๆ
